เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
หมายความว่า การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งโดยวิธีธรรมชาติ วิธีผสมเทียม หรือวิธีอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำในช่วงใดของวงจรชีวิตสัตว์น้ำนั้น แต่ไม่รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการกีฬาหรือสันทนาการ หรือเพื่อการอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์ไม่สอดคล้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
หมายความว่า บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่ไม่รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการกีฬาหรือสันทนาการ หรือกิจการอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์ไม่สอดคล้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- โรงเพาะฟัก/อนุบาลสัตว์น้ำ
- ฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ
คุณสมบัติผู้ขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- เป็นผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ในวันยื่นคำขอขึ้นทะเบียน กรณีผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองของผู้นั้น
- กรณีเป็นนิติบุคคล
- ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
เอกสารหลักฐาน
ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเอกสารยื่นคำขอกรอกข้อความในแบบ ทบ.1-1 ให้ถูกต้องครบถ้วน และแนบเอกสารหลักฐานประกอบการยื่นคำขอดังต่อไปนี้
- กรณีเป็นบุคคลธรรมดา
- บัตรประจำตัวประชาชนของเกษตรกร
- กรณีเป็นนิติบุคคล ให้แนบเอกสารดังนี้
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่นใดของนิติบุคคลนั้น
- กรณีมอบอำนาจ (เกษตรกรมิได้เป็นผู้มายื่นคำขอด้วยตนเอง)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ (ผู้มอบอำนาจ) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
- หนังสือมอบอำนาจ
- สำเนาเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน
- ในกรณีเกษตรกรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ให้ใช้สำเนาโฉนดที่ดิน
- หากเกษตรกรไม่สามารถนำสำเนาโฉนดที่ดินมาได้ ให้เเสดงข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินโดยกรอกข้อความตามแบบแสดงข้อมูลที่ดิน ทบ 1-2 โดยมีผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือนายก อบต. หรือนายกเทศมนตรี(กรณีไม่มีผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน) หรือประธานศูนย์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำแขวงหรือผู้นำชุมนุม (เฉพาะท้องที่กรุงเทพมหานคร)ในท้องที่ที่สถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นตั้งอยู่ให้การรับรอง หรือแสดงเอกสารหลักฐานการทำประชาคมแทนก็ได้
- ในกรณีเกษตรกรเป็นผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในที่ดิน ให้ใช้สำเนาเอกสารดังต่อไปนี้
- น.ส.3 หรือ
- น.ส.3 ก หรือ
- สปก.-4-01หรือ
- สค.1 หรือ
- กสน.3 หรือกสน.5 (กรณีอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม) หรือ
- พ.ส.23 (กรณีอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวน) หรือ
- ส.ท.ก. (กรณีสิทธิทำกินอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวน) หรือ
- เอกสารในลักษณะเดียวกันที่มีชื่อเรียกอย่างอื่นที่แสดงว่าเกษตรกรเป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดิน
- ในกรณีเกษตรกรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ให้ใช้สำเนาโฉนดที่ดิน
- ในกรณีเกษตรกรทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำในที่ดินสาธารณะประโยชน์ ในที่ดินของรัฐ หรือในที่ดินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ให้ใช้สำเนาใบอนุญาต หรือสำเนาหนังสืออนุญาต ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ในกรณีที่ดินที่ใช้ดำเนินการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่ดินของบุคคลอื่น ให้ใช้เอกสารแสดงการมีสิทธิ หรือได้รับอนุญาต หรือยินยอมให้ใช้ที่ดิน หรือได้รับอนุญาตให้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น สัญญาเช่าที่ดิน หนังสืออนุญาตให้เช่าที่ดิน หลักฐานให้ใช้ที่ดินเป็นหนังสือ ใบอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หนังสือให้ใช้ที่ดินตามแบบ ทบ.1-1 เป็นต้น
(ผู้ที่เช่าที่ดินผู้อื่นต้องนำสำเนาเอกสารสิทธิในที่ดินของเจ้าของและหนังสือสัญญาเช่ามายื่นต่อเจ้าหน้าที่รับคำขอขึ้นทะเบียนฯ)
หมายเหตุ : หากเกษตรกรไม่สามารถนำสำเนาเอกสารแสดงสิทธิ์ใช้ที่ดินมาแสดงได้ ให้เกษตรกรผู้ขอขึ้นทะเบียนแสดงข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินโดยกรอกข้อความตามแบบแสดงข้อมูลที่ดิน ทบ.1-2 โดยมีผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือนายก อบต. หรือนายกเทศมนตรี(กรณีไม่มีผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน) หรือประธานศูนย์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำแขวงหรือผู้นำชุมนุม (เฉพาะท้องที่กรุงเทพมหานคร)ในท้องที่ที่สถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นตั้งอยู่ให้การรับรอง หรือแสดงเอกสารหลักฐานการทำประชาคมแทนก็ได้
แบบคำขอการขึ้นทะเบียนกับประมง
- ทบ 1-1 แบบคำขอขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- ทบ 1-2 แบบแสดงข้อมูลที่ดิน
- ทบ 1-3 แบบรับรองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
- ทบ 1-4 แบบยินยอมให้ใช้ที่ดิน
- ทบ 1-6 แบบแจ้งข้อมูลการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปีการผลิต พ.ศ….
- ทบ 1-7 แบบคำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- ทบ 1- 8 แบบคำขอยกเลิกการขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทบ.1

สถานที่ยื่นคำขอ
เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีความประสงค์จะขึ้นทะเบียนฯ ให้ยื่นคำขอตามแบบ ทบ.1-1 ได้ที่
- สำนักงานประมงจังหวัด
- สำนักงานประมงอำเภอท้องที่ที่สถานที่ดำเนินการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตั้งอยู่
- จุดรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามที่หน่วยงานผู้รับขึ้นทะเบียนกำหนด
- ในกรณีสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตั้งอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานประมงจังหวัดหรือสำนักงานประมงอำเภอตั้งแต่สองเขตพื้นที่ขึ้นไป เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตามวรรคแรกสำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานประมงอำเภอ ท้องที่ใดท้องที่หนึ่งก็ได้เพียงหนึ่งท้องที่
อายุของทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- มีอายุ 3 ปี นับแต่วันได้รับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
การต่ออายุทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
- เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต้องยื่นแบบแสดงความจำนงขอต่ออายุทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามแบบ ทบ.4 ที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำฯ ณ สถานที่ที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายใน 60 วัน ก่อนอายุทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะหมดลง
- ต้องแสดงหลักฐานดังต่อไปนี้
- บัตรประจำตัวเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำฉบับเดิม
- หลักฐานที่แสดงว่าได้มีการดำเนินการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างต่อเนื่อง
- สำหรับกรณีดำเนินการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ในที่ดินสาธารณะประโยชน์ ในที่ดินของรัฐ หรือในที่ดินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ให้แสดงสำเนาใบอนุญาต หรือสำเนาหนังสืออนุญาต ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หมายเหตุ : ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลสัตว์น้ำรายปีตามแบบ ทบ.1-6 ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ครบรอบปี ณ สถานที่ที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน
การสิ้นสภาพทางทะเบียนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
การสิ้นสภาพทางทะเบียนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากเป็นไปด้วยการสิ้นอายุทะเบียนแล้ว ทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอาจสิ้นสภาพไปด้วยเหตุดังต่อไปนี้
- เมื่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเสียชีวิต
- เมื่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแจ้งยกเลิกการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตามเเบบ ทบ.1-8
- เมื่อปรากฏว่าเกษตรกรแจ้งข้อมูล หรือแสดงหลักฐานที่ใช้ในการขอขึ้นทะเบียนเป็นเท็จโดยเจตนา
- เมื่อปรากฏว่าเกษตรกรไม่ยินยอมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมประมงเข้าไปตรวจสอบฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในระหว่างเวลาราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- เมื่อเกษตรกรไม่แจ้งข้อมูลสัตว์น้ำรายปี ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ (60 วัน)
- เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเกษตรกรไม่ได้ดำเนินการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแล้ว
หมายเหตุ : เกษตรกรที่ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถอุทธรณ์การถูกถอนชื่อต่อประมงจังหวัดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบ หรือควรทราบการถูกถอนชื่อดังกล่าว คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของประมงจังหวัดให้ถือเป็นที่สุด