ติดเหล้ายัง : แบบประเมินผลการติดแอลกอฮอล์

ติดเหล้ายัง.com

สสส. และภาคีเครือข่าย รณรงค์เฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชนผ่านระบบเว็บไซต์ ติดเหล้ายัง.com พร้อมบำบัดรักษาผู้มีปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ที่ห้องประชุม Interactive Learning 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพเครือข่ายระดับภูมิภาคเพื่อรณรงค์และเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชนผ่านระบบ ติดเหล้ายัง.com ภาคอีสาน

ดร.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า จากการสำรวจอัตราการดื่มแอลกอฮอล์ ในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่าในปี พ.ศ.2564 มีการดื่มมากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดน่าน มากถึงร้อยละ 43.3 ในขณะที่จังหวัดขอนแก่น มีอัตราการดื่มอยู่ที่อันดับ 6 คิดเป็นร้อยละ 39.9 ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์สถานที่ที่มีการดื่มมากสุดคือ ที่บ้านตนเอง/ผู้อื่น ร้อยละ 86.8 , ดื่มที่ร้านจำหน่าย ร้อยละ 66.5 และการดื่มที่งานเทศกาล/งานประเพณี ร้อยละ 59.4

ทั้งนี้กลยุทธ์ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาตินั้น จึงต้องเริ่มจากการควบคุมและจำกัดการเข้าถึง ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่หลังการดื่ม คัดกรองและบำบัดรักษาผู้มีปัญหาจากสุรา รวมถึงการควบคุมโฆษณาส่งเสริมการขาย ให้ขึ้นราคาระบบภาษี สร้างค่านิยมเพื่อลดการดื่ม และสนับสนุนบริหารการจัดการที่ดี

ดังนั้นเว็บไซต์ ติดเหล้ายัง.com จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้าร่วมจัดทำบันทึก และประเมินผลการติดแอลกอฮอล์ ซึ่งในกรณีที่พบว่าติดแอลกอฮอล์ จะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาอาการจากทางการแพทย์ ทั้งนี้อยู่ที่ความสมัครของประชาชนที่สนใจเลิกเหล้า

ด้าน นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ระบุแนวทางการดำเนินงานการคัดกรองและบำบัดรักษาและการสื่อสาร ลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วยระบบติดเหล้ายัง.com ว่า SAFER เป็นมาตรการแนะนำสำหรับการจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ คือ

    • การสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมและจำกัดการเข้าถึงทางกายภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • มีการยกระดับและการบังคับใช้มาตรการควบคุมพฤติกรรมขับขี่ยานพาหนะหลังการดื่มแอลกอฮอล์
    • มีการจัดให้มีการเข้าถึงระบบบริการการคัดกรอง การบำบัดแบบสั้นและการบำบัดรักษาผู้มีปัญหาเกี่ยวกับการดื่มสุรา
    • การบังคับใช้กฎหมายห้ามหรือจำกัดโดยครอบคลุมการโฆษณาการให้ทุนอุปถัมภ์และการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • การขึ้นราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านระบบภาษีสรรพสามิตและมาตรการทางด้านราคาอื่นๆ

“โดยแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2564-2570) ได้ระบุ 7 กลยุทธ ในการควบคุม ประกอบด้วย

    1. การควบคุมและจำกัดการเข้าถึง
    2. ควบคุมพฤติกรรมการขับขี่หลังการดื่ม
    3. คัดกรองและบำบัดรักษาผู้มีปัญหาจากสุรา
    4. ควบคุมการโฆษณาส่งเสริมการขาย และการให้ทุนอุปถัมภ์
    5. ขึ้นราคาผ่านระบบภาษี
    6. สร้างค่านิยมเพื่อลดการดื่ม
    7. ระบบสนับสนุนและบริการจัดการที่ดี

ซึ่งแอพพิเคชัน 1B6 แบบคัดกรองพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาการอายุ 15 ปีขึ้นไป ทุกคนสามารถคัดกรองและบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุราได้ในอนาคต สามารถดาวน์โหลดเพื่อประเมินพฤติกรรมเสี่ยงได้ทั้งในระบบไอโอเอส และแอนดรอยด์ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยกัน เพื่อลดปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้” นพ.พงศ์ธร กล่าว

ด้าน พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนภาคอีสาน กล่าวเสริมว่า ในการรณรงค์เรื่องการลด ละ เลิก และรู้เท่าทันเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อมวลชนถือเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเป็นกระบอกเสียงและสร้างการเข้าถึงส่งต่อข่าวสารเรื่องราวดีๆ รวมไปถึงรายงานสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ อย่างเรื่องเว็บไซต์ ติดเหล้ายัง.com และแอพพลิเคชัน 1B6 นี้ก็เช่นกัน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบอกต่อ เพื่อให้สังคมช่วยกันระแวดระวังและสำรวจพฤติกรรมการดื่มของคนรอบตัวได้ จึงอยากเชิญชวนทุกคนเข้าถึงและลองใช้ดู เป็นการสร้างการรู้เท่าทันเรื่องแอลกอฮอล์ให้เกิดขึ้นได้จริงในสังคมได้อย่างแน่นอน หากทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน

สอบถามเพิ่มเติมและการติดต่อ

ติดต่อขอรับคำปรึกษาเบื้องต้น

    • สายด่วน 1413 : ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา
    • สายด่วน 1165 : สายด่วนยาเสพติด
    • สายด่วน 1323 : สายด่วนกรมสุขภาพจิต
    • สถานบริการสาธารณสุข/โรงพยาบาล

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

    • สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค
      โทร. 02 590 3035