COVID-19 สายพันธุ์อังกฤษ
- นพ.ยง ภู่วรวรรณ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก ระบุการระบาดของโควิด-19 คลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อเป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) ต้นตอการระบาดในไทย น่าจะมาจากกัมพูชา
- โดยโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษเริ่มแพร่ระบาดในกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 64 จนปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อแล้วราว 3,000 ราย เสียชีวิตมากกว่า 20 คน รวมถึงได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
- ส่วนโควิด-19 คลัสเตอร์ทองหล่อ ได้รับการถอดรหัสพันธุกรรมโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา พบว่าเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับที่ระบาดในกัมพูชา
ระลอกใหม่เมษายน
วิธี สังเกตอาการโควิด-19 ระลอกใหม่เมษายน
- ไม่ค่อยมีอาการ แต่อาการที่พบมากขึ้น คือ ตาแดง มีผื่น น้ำมูกไหล
- หากพบอาการดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยเฉพาะกลุ่มวัยหนุ่มสาว
- หากเป็นกลุ่มเสี่ยงแล้วมีอาการเหล่านี้ให้รีบตรวจโควิดและพบแพทย์
โควิด-19 กับอาการทางผิวหนัง และวิธีสังเกตลักษณะของ ‘ผื่นโควิด’
![]() | ![]() |
COVID-19 สายพันธุ์อินเดีย
นพ.ยง ภู่วรวรรณ : สายพันธุ์ที่ระบาดอย่างรุนแรงในอินเดียประกอบไปด้วยสายพันธุ์อินเดียและเบงกอล สายพันธุ์อินเดียเป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ Variant of Concern (VOC) อีกสายพันธุ์หนึ่ง รวมทั้งสายพันธุ์อังกฤษ เพราะมีการแพร่กระจายได้ง่ายมากอย่างรวดเร็ว สายพันธุ์อินเดีย B.1.617 มี 3 กลุ่มย่อย คือ B.1.617.1, B.1.617.2, B.1.617.3 ดังแสดงในรูป แต่สายพันธุ์ที่ระบาดมากในอินเดียและกระจายไปในประเทศต่างๆเป็นจำนวนมากคือสายพันธุ์ B.1.617.2 สายพันธุ์นี้ได้ระบาดไปถึงประเทศอังกฤษทำให้ทางอังกฤษต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเพราะแพร่กระจายได้ง่าย
จากข้อมูลในประเทศอังกฤษมีการรายงานข่าว Reuters พบว่าสายพันธุ์นี้แพร่กระจายได้ง่าย แต่ไม่น่าจะหลบหลีกภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีน (UK increasingly confident COVID-19 vaccines work against Indian variant.) โดยเฉพาะที่ใช้ในประเทศอังกฤษ ใช้วัคซีน AstraZeneca ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาในแนวลึก
ถ้าเราดูในหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ สายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายจะมีการกลายพันธุ์ในส่วนของ Spike Protein ดังนี้ D614G หรือที่เราเรียกว่าสายพันธุ์ G คือตำแหน่งที่ 614 มีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนจาก Aspartate ไปเป็น Glycine ทำให้สายพันธุ์นี้ครองโลกอยู่ขณะนี้ ตำแหน่ง N501Y มีการเปลี่ยนแปลงจาก Asparagine ไปเป็น Tyrosine และทำให้จับกลับตัวรับบนผิวเซลล์ได้ดีขึ้นพบในสายพันธุ์อังกฤษที่ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญอีกตำแหน่งหนึ่งคือตำแหน่ง 681 ในตำแหน่งนี้ทั่วไปกรดอะมิโนจะเป็น Proline จะเป็นตำแหน่งที่เอนไซม์ของร่างกายเราคือ Furin ไปตัดแบ่ง Spike Protein หลังจากไวรัสได้เกาะกับเซลล์เรียบร้อยแล้ว ถ้าสามารถตัดได้ง่ายไวรัสก็จะมุดเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายเพราะการเกาะติดและเข้าสู่เซลล์จะต้องมีการตัดส่วนของ Spike Protein ให้แยกขาดออกจากกัน (S1 และ S2) เพื่อให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ ถ้ายิ่งตัดง่ายก็เข้าสู่เซลล์ได้ง่าย เกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนที่เป็นด่าง
จะเห็นว่าสายพันธุ์อินเดียต่างจากสายพันธุ์อื่นคือเป็น 681R ในตำแหน่งนี้เป็น Arginine ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่าง ทำให้เอนไซม์ Furin ตัดได้ง่ายขึ้นและง่ายที่จะเข้าสู่เซลล์หรือการติดเชื้อนั้นเอง การเปลี่ยนแปลงที่จะหลบหลีกระบบภูมิต้านทานส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญอยู่ในตำแหน่งที่ 484 วัคซีนส่วนใหญ่ที่ทำมา จะเป็นสายพันธุ์ในตำแหน่งนี้คือกรดอะมิโน Glutamic (E) แต่ถ้าเปลี่ยนไปเป็น K หรือ Lysine อย่างเช่นในสายพันธุ์แอฟริกาใต้ จะทำให้หลบหลีกระบบภูมิต้านทานที่จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง
เมื่อดูสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) ในตำแหน่งนี้ยังเป็น E ดังนั้นด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนที่ใช้อยู่น่าจะมีประสิทธิผลในการป้องกันได้เช่นเดียวกันกับที่มีการพูดในอังกฤษผ่านสำนักข่าวออกมา การแพร่กระจายได้ง่ายนี้เองทำให้ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญและคำนึงถึงสายพันธุ์อินเดีย มีการพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าการป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็นสามารถทำได้ยาก ถ้าขาดระเบียบวินัย
โดยสรุปสายพันธุ์อินเดีย B.1.617.2 จะแพร่กระจายได้ง่าย จะง่ายเท่าสายพันธุ์อังกฤษหรือมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจน แต่สายพันธุ์นี้ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์วัคซีนที่เราใช้อยู่นี้น่าจะป้องกันได้