ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566
ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 (ผู้มีสิทธิฯ) ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 12,565,862 ราย สามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนี้
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า
- วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
- จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
- ผู้มีสิทธิจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน + กดรหัส PIN 6 หลักด้วยตนเอง
2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม
- วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด
- จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 23.00 น.
- ผู้มีสิทธิจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน + กดรหัส PIN 6 หลักด้วยตนเอง
3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ
- วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่
- รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
- รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
- รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Mass Transit System : BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (Metropolitan Rapid Transit : MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด
- รถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ
- ผู้มีสิทธิจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน + กดรหัส PIN 6 หลักด้วยตนเอง
- นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพิ่มเติมประเภทระบบขนส่งเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้มีสิทธิฯ ได้แก่
- รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
- รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน
- รถสองแถวรับจ้าง
- เรือโดยสารสาธารณะ
- โดยหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบต่อไป
- วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่
4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า
- อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา
- อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
- กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง
- หากผู้มีสิทธิฯ มีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
หมายเหตุ สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
- ผู้มีสิทธิฯ ที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะต้องดำเนินการลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนการเริ่มใช้สิทธิตามกรอบเวลาที่ผู้ให้บริการกำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิฯ ได้ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่
การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า
- สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เบอร์ติดต่อ 1130
หรือผ่านเว็บไซต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis - สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เบอร์ติดต่อ 1129
หรือผ่านเว็บไซต์ https://welfareregis.pea.co.th - กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.)
หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th
การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา
- สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) เบอร์ติดต่อ 1125
หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet - สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เบอร์ติดต่อ 1662
หรือผ่านเว็บไซต์ https://register.pwa.co.th/welfare-register.html
- สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) เบอร์ติดต่อ 1125
- โดยผู้มีสิทธิฯ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาก่อนแต่อย่างใด
- หากลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรกคือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566” แต่หากลงทะเบียนหลังจากกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วจะเริ่มได้รับสิทธิในเดือนถัดไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง
- สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561
- จะสามารถใช้สิทธิในรอบใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนมีนาคม 2566 เป็นเดือนสุดท้าย
- โดยสามารถนำใบแจ้งหนี้ค่าบริการที่ค้างชำระในช่วงที่ได้รับสิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ไปชำระเพื่อขอรับเงินสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566
- ผู้มีสิทธิฯ ที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจะต้องดำเนินการลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการดังกล่าวก่อนการเริ่มใช้สิทธิตามกรอบเวลาที่ผู้ให้บริการกำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีสิทธิฯ ได้ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่
กรณีผู้มีสิทธิฯ มีข้อสงสัย
- สามารถติดต่อ Call Center โทร. 02 109 2345
ผู้ประกอบการร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
สำหรับผู้ประกอบการร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ขอให้เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และปรับปรุงแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ให้เป็นรุ่น (version) ปัจจุบันเพื่อรองรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิฯ โดยสามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1. ร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่อง EDC
- สามารถปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบัน ได้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
2. ร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
- สามารถปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบันได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป
กรณีพบปัญหาในการปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบัน หรือมีข้อสงสัย
- หากร้านธงฟ้าฯ และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด พบปัญหาในการปรับปรุงระบบให้เป็น version ปัจจุบัน หรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถามเพิ่มเติม
- สามารถติดต่อศูนย์บริการข้อมูลแก้ไขปัญหาร้านค้า (Merchant Call Center) โทร 02 111 1111 กด 2 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566
สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566
- ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ)
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด และสามารถเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ในการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต
- ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่
ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ
ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน
- ในกรณีนี้ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
- หากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง
การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอาจเกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน
- ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่านขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทยเพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติม
Post Views: 4,147