สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำขนมหวานกินอย่างไร ให้อร่อยถูกใจแถมไม่เสียสุขภาพ

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำขนมหวานกินอย่างไร ให้อร่อยถูกใจแถมไม่เสียสุขภาพ

            สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำขนมหวานกินอย่างไร ให้อร่อยถูกใจแถมไม่เสียสุขภาพ โดยขนมหวานแม้จะอร่อยและถูกใจ แต่หากบริโภคมากเกินไปอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวาน อ้วน หัวใจ ความดันสูง และแก่ก่อนวัย เพื่อให้กินได้อย่างปลอดภัยและไม่เสียสุขภาพ


 

 

ขนมหวานกินอย่างไร ให้อร่อยถูกใจแถมไม่เสียสุขภาพ

              ขนมหวาน อาหารที่ใครหลาย ๆ คนก็ชอบ ด้วยรสชาติที่อร่อยถูกใจให้ความรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่กิน แต่ของอร่อยเหล่านี้ก็แฝงไปด้วยโรคร้ายต่าง ๆ มากมายที่มาพร้อมกับความหวาน แถมยังทำให้สุขภาพแย่ลง หากเรากินของหวานในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงยังส่งผลทำให้เกิดริ้วรอย และภาวะแก่ก่อนวัยอีกด้วย ในบทความนี้ อย. จะมาแนะนำถึงแนวทางในการกินขนมหวาน โดยที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยมีแนวทาง ดังนี้

  • การอ่านฉลากโภชนาการ
    • ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหาร การอ่านฉลากโภชนาการเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถคุมปริมาณน้ำตาลที่จะบริโภคต่อวัน สามารถเปรียบเทียบ และหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงทำให้เราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้ สังเกต และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ หรือ Healthier Choice Logo บนฉลาก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บอกปริมาณสารอาหาร เช่น น้ำตาล ไขมัน โซเดียม ที่เหมาะสมต่อการบริโภค
  • การปรับพฤติกรรมการกิน การปรับพฤติกรรมในการกินนั้นช่วยให้เราสามารถที่จะกินของหวานได้แบบที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยสามารถปรับได้ ดังนี้
    • การเลือกบริโภคของหวานที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีมหวานน้อย ขนมปังโฮลวีต หรือคุกกี้โฮลวีต
    • สั่งเครื่องดื่มหวานน้อย หรือค่อย ๆ ปรับลดปริมาณความหวานลงเรื่อย ๆ
  • การควบคุมปริมาณน้ำตาล การควบคุมปริมาณน้ำตาลต่อวันก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพ สำหรับปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวัน ควรเลือกรับประทานให้เหมาะสมกับช่วงวัย
    • สำหรับวัยเด็ก และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องการใช้พลังงาน 1600 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสมต่อวันไม่เกิน 4 ช้อนชา หรือ 16 กรัม
    • สำหรับวัยรุ่น และวัยทำงาน ต้องการใช้พลังงาน 2000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสมต่อวันไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม
    • สำหรับผู้ใช้พลังงานมาก เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา ต้องการใช้พลังงาน 2400 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสมต่อวันไม่เกิน 8 ช้อนชา หรือ 32 กรัม
  • การออกกำลังกาย
    • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ

 


ที่มา : Facebook : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา