กระทรวงพาณิชย์ เพิ่มราคารับซื้อปาล์ม 5.20 บาท/กก. ตรวจเข้มพร้อมใช้ยาแรงหากราคายังไม่ขยับ
กระทรวงพาณิชย์ มีมติให้ เพิ่มราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ณ หน้าโรงงานสกัด (ที่ความชื้น 18%) จาก 5.00 บาท เป็น 5.20 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป โดยมีเหตุผลที่ปรับราคา ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปรับตัวสูงขึ้น อัตราการสกัดน้ำมันเฉลี่ยดีขึ้น และการส่งออกน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น พร้อมเน้นย้ำมาตรการควบคุมและตรวจสอบ บังคับให้ติดป้ายราคารับซื้อชัดเจน โปร่งใส หากพบว่าโรงงานหรือจุดรับซื้อไม่ปฏิบัติตาม จะพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม ป้องกันการเอาเปรียบ และยกระดับราคาปาล์มน้ำมันทั่วประเทศอย่างยั่งยืน
“พาณิชย์ เคาะเพิ่มราคารับซื้อปาล์ม 5.20 บาท/กก. ตรวจเข้มพร้อมใช้ยาแรงหากราคายังไม่ขยับ”
วันนี้( 30 พฤษภาคม 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ณ ห้องประชุมกรมการค้าภายใน ว่า “ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ให้กรมติดตามราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกรไม่ให้ตกต่ำ โดยประชุมร่วมกับผู้แทนเกษตรกร ประธานสภาเกษตรกร จ.ตรัง (นายณัฏฐพร สินไชย) ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (นายมนัส พุทธรัตน์) ผู้แทนเกษตรกรสุราษฎร์ธานี (ดร.วันสาด ศรีสุวรรณ) ผู้แทนเกษตรกรกระบี่ (นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์) ผู้แทนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผู้แทนสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม ผู้แทนภาครัฐ กระทรวงเกษตรฯ พลังงาน อุตสาหกรรม ศุลกากร เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรอบด้าน
นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า “ที่ประชุมได้พิจารณาสถานการณ์ผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์ม และเห็นชอบร่วมกันให้โรงงานสกัดปรับราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ณ หน้าโรงงานสกัดทั่วประเทศ (อัตรา 18%) “จาก 5 บาท/กก. เป็น 5.20 บาท/กก.” โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาให้ลานเทปรับราคารับซื้อสูงขึ้นด้วย โดยเมื่อพิจารณาจากปัจจัยบวกหลายด้าน เช่น ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2568 อัตราการสกัดน้ำมันโดยเฉลี่ยปรับสูงขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงเห็นว่าสามารถที่จะเพิ่มราคารับซื้อมากกว่า 5 บาท/กก. ได้ ประกอบกับผลผลิตในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันเลยช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (peak) มาแล้ว คงเหลือฝั่งอ่าวไทยที่ยังคงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องแต่คาดว่าจะลดลงในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 นี้”
นายวิทยากร กล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ กรมการค้าภายในจะร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่กำกับดูแลตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มตามที่ขอความร่วมมือดังกล่าวทั้งโรงงานสกัด ลานเท ให้เป็นไปตามคุณภาพผลผลิตและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมทั้งการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อให้ชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม หากตรวจสอบแล้วพบว่าการรับซื้อยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่ขอความร่วมมือไว้ จะพิจารณาดำเนินการว่าอาจจะเข้าข่ายเป็นการจงใจทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้าตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจะนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดพิจารณาต่อไป
“กรมการค้าภายในเน้นย้ำให้โรงงานสกัด รับซื้อปาล์มน้ำมันของเกษตรกรตามที่คณะกรรมการได้แจ้งราคาเพื่อให้ราคาทั้งระบบได้มีการปรับตัวขึ้น ซึ่งหากโรงงานสกัดใดไม่ดำเนินการ กระทรวงพาณิชย์จะมีการเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดหากพบการจงใจกดราคารับซื้อเกษตรกร พร้อมใช้ยาแรงในการเอาผิดตามกฏหมายทันที
ในส่วนของลานเท จุดรับซื้อทุกแห่ง ต้องติดป้ายแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจน โปร่งใส และเปิดเผย เพื่อให้เกษตรกรสามารถเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจขายผลผลิตได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและส่งเสริมความโปร่งใส ในระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมัน” นายวิทยากรกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : Facebook : กระทรวงพาณิชย์