สำนักงานกิจการยุติธรรม แจ้งเตือน ลืมรหัส สมัครบัญชีใหม่บ่อย ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นอาจถูกแฮกและสวมรอย

สื่อเสียงความรู้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม (Podcast) หมวดความรู้เรื่อง: อาชญากรรมทางเทคโนโลยี รายการ 18 มงกุฏออนไลน์ โดย นที แววจะโปะ
เรื่องราวของการหลอกเพื่อให้โอนเงิน หลายคนคงเคยเจอกับตัวเองกันมาแล้วบ้างหรือพบเห็นเพื่อนหรือคนรู้จักออกมาโพสต์แจ้งเตือนภัยผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ (Facebook/line) เกี่ยวกับการทักไปขอยืมเงินกับเพื่อนใน Facebook โดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ดังกล่าว จนทำให้เพื่อนบางคนตกหลุมพลางหลงเชื่อและทำการโอนเงินให้กับมิจฉาชีพเหล่านั้น จนต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เพราะฉะนั้นมาฟังวิธีป้องกันตัวกัน
เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว มีรายงานว่า พบบัญชี Facebook ปลอม (และใช้ชื่อซ้ำ) มากถึง 200 ล้านบัญชี !! จากผู้ใช้บริการกว่า 2.1 พันล้านราย โดยตรวจเจอได้ไงนั้นไม่ทราบ แต่สำหรับคนที่เจอปัญหานี้โดยตรง คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่นอน เมื่ออยู่ดี ๆ ถูกใครก็ไม่รู้มาสวมรอย ด้วยการแฮกบัญชีหรือขโมยภาพโปรไฟล์ไปแอบอ้าง จนเกิดความเสียหายชนิดกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว
หากเป็นบุคคลที่มีคนรู้จักเยอะ หรือเป็นคนที่มีชื่อเสียง ก็ย่อมตกเป็นเป้าให้มิจฉาชีพ เข้ามาสวมรอยไปทำเรื่องมิชอบต่าง ๆ เสมอ อาทิ หลอกขายของ โกงเงิน หรือไปแสดงพฤติกรรมผิดกับตัวจริง ทำให้คนที่รู้จักเข้าใจผิด โดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ บัญชีโดนแฮก และ รูปภาพโปรไฟล์ถูกสวมรอย ดังนี้
กรณีที่บัญชีโดนแฮก
แม้ปัจจุบัน Facebook จะเข้มงวดกับการสร้างบัญชีและเพิ่มสารพัดฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ไม่วายมีคนถูกแฮกบัญชีอยู่บ่อยครั้ง จริง ๆ ต้องบอกเลยว่าการแฮกบัญชี Facebook นั้นทำได้ยากมาก เหตุผลก็ตามที่เกริ่นเลย ทว่าอาจมีบางครั้งที่ผู้ใช้พลาดในบางจุด (หรือคนแฮกเก่งจริง) จนถูกแฮกบัญชีในที่สุด
วิธีรับมือ
- อย่าตั้งรหัสผ่านที่เดาง่าย หรือพยายามอย่าใช้รหัสผ่านเดียวกันกับที่ใช้เข้า E-mail ของเรา เผื่อเราเผลอนำรหัสนี้ไปสมัครเว็บบริการต่าง ๆ ที่อาจมีความปลอดภัยไม่มาก ก็มีโอกาสที่ข้อมูลจะหลุดแล้วถูกแฮกบัญชี Facebook ได้สูง เพราะคนแฮกอาจขยายผลมายังบัญชีเฟสของเรานั้นเอง และถ้าโดนแฮกบัญชี E-mail ด้วย ก็ซวยหลายต่อเลยครับ
- ไม่ควรเข้าบัญชีบนอุปกรณ์อื่น ๆ เพราะมีโอกาสลืม Log-Out ออก เช่น สมาร์ทโฟนเพื่อน หรือคอมฯ สาธารณะ (ร้านเกม) วันต่อมาก็ถูกใครก็ไม่รู้ เอาบัญชี Facebook ของเราไปใช้งานจนได้ ฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการ Log-In บัญชีของเราบนอุปกรณ์อื่น ๆ จะดีกว่า แต่หากจำเป็นจริง ๆ ก็อย่าลืม Log-Out ออกโดยเด็ดขาด
- ระวัง Key Logger โปรแกรมดักคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับโปรแกรมเถื่อน โดยหลายเว็บที่ปล่อยให้โหลดโปรแกรมเถื่อนฟรี มักจะแอบฝังมัลแวร์หรือโปรแกรมประสงค์ร้ายติดมาด้วย หนึ่งในนั้นคือ Key Logger นี้เอง โดยเมื่อมันถูกติดตั้งบนคอมฯ (แน่นอนว่าเราไม่รู้ตัว) มันจะคอยบันทึกข้อมูลการพิมพ์ของเราแล้วส่งไปยัง “แคร็กเกอร์” ที่กำลังส่องข้อมูลอยู่ตลอด วิธีป้องกันก็ง่าย ๆ คือ ไม่โหลดของเถื่อน และติดตั้งโปรแกรม Anti Virus ที่มาพร้อมฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์ให้เรียบร้อย
- ใช้ฟีเจอร์ “ตั้งค่าการยืนยันตัวตนสองปัจจัย” ของ Facebook โดยเข้าได้ที่ การตั้งค่า > การรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ ในหน้านี้จะมีสารพัดวิธีการยืนยันตัวตนช่วยเสริมให้เจาะรหัสเข้าบัญชีได้ยากขึ้นในที่นี้ก็ขอแนะนำ “ข้อความ (SMS)” ใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวช่วย ซึ่งจะอยู่ในหัวข้อ ใช้การยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย นั้นเอง หลังตั้งค่าตรงนี้เสร็จแล้ว ต่อไปทุกครั้งที่เรา Log-In บัญชี มันจะขึ้นหน้าต่าง “ป้อนรหัสเข้าสู่ระบบของคุณ” ถามหารหัสที่ส่งมาทาง SMS บนสมาร์ทโฟนที่ใช้ยืนยันผ่านเบอร์โทรของเรา วิธีนี้จะช่วยให้แฮกบัญชีได้ยากขึ้นแบบเห็น ๆ เลยครับ
วิธีแก้ไข สำหรับใครที่รู้ตัวว่าถูกแฮกบัญชีเข้าให้แล้ว หรืออยากเช็คว่าจะมีโอกาสโดนไหม ให้มาดูวิธีตามนี้เลย
- เช็คประวัติการ Log-In บัญชีบนอุปกรณ์อื่นๆ ใครที่เข้า Facebook อยู่ตอนนี้ ลองไปที่หน้า การตั้งค่า > การรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ ก่อนเลย ในหน้านี้ให้ดูที่ส่วน “สถานที่ที่คุณเข้าสู่ระบบ” ตรงนี้คือการเช็คว่าเราเคย Log-In บัญชีบนอุปกรณ์ที่ไหนบ้าง ให้เราดูเลยว่า มีอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ใช่ของเรา ถ้ามีให้รีบกดคลิกซ้ายหรือจิ้มที่ปุ่ม 3 จุด ตรงข้างชื่ออุปกรณ์ที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นก็เลือกปุ่ม ออกจากระบบ ทันที เท่านี้ก็หายห่วงเรื่องลืม Log-Out บัญชีออกไปบ้างแล้ว
- เปลี่ยนรหัสผ่าน เป็นวิธีที่เบสิคที่สุด เวลาเราใช้รหัสผ่านเดิมนาน ๆ อาจมีโอกาสถูกมิจฉาชีพ สุ่มหรือเดารหัสผ่านออกในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นควรหมั่นเข้ามาเปลี่ยนรหัสผ่านได้ถ้ามีโอกาส ไม่ควรทิ้งช่วงนาน ส่วนวิธีเปลี่ยนก็ไปที่ หน้า การตั้งค่า > การรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ เหมือนข้อบน แต่ในหน้านี้ให้เราไปดูที่ตัวเลือก “การเข้าสู่ระบบ“ แทน จะมีที่เปลี่ยนรหัสผ่านในนี้เอง ถ้าให้ดีก็ควรไปดูตัวเลือก “ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรูปโปรไฟล์ของคุณ” เพื่อส่องประวิติการเข้าสู่ระบบที่แปลกปลอมต่อด้วย (ไม่มีก็แล้วไป ถ้ามีก็คือแววโดนแฮก) หรือจะปิดฟีเจอร์เข้าระบบด้วยใบหน้าไปเพื่อความปลอดภัยก็ได้
- ตรวจสอบการเคลื่อนไหวและรายงาน หากคิดว่าบัญชีของเรา มีการโพสต์หรือส่งแชทข้อความแปลก ๆ จนไล่ลบเองไม่ไหวแล้ว หรืออยากให้มันจบทีเดียวไปเลย ตรงนี้ให้ไปที่ลิงค์ https://www.facebook.com/hacked เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของบัญชีเราแบบรวดเดียวดีกว่า หลังเจอหน่าต่าง “หากคุณคิดว่าบัญชีผู้ใช้ของคุณถูกแฮ็ก เราสามารถช่วยคุณได้” ก็ให้คลิกที่ตัวเลือก “ฉันได้เห็นโพสต์ ข้อความ หรืองานกิจกรรมบนบัญชีผู้ใช้ของฉันที่ฉันไม่ได้สร้าง” มันจะเข้าสู่กระบวนการรักษาความปลอดภัยของบัญชีทั้งหมด ไล่ตั้งแต่การเปลี่ยนรหัส การเช็คว่าบัญชีถูกเข้าระบบที่ไหนเวลาไหนบ้าง และมีการเคลื่อนไหวอย่างโพสต์หรือส่งแชทตอนไหนบ้างด้วย จุดนี้เราก็ไล่ลบประวัติการเคลื่อนไหวที่คิดว่าไม่ใช่เราให้หมดเลยครับ แล้วทำการปรับรหัสเข้าบัญชีให้เจาะยากขึ้นได้ในนี้เลย
- สำหรับใครที่บัญชีโดนแฮกจนเข้าระบบไม่ได้ ก็สามารถใช้ https://www.facebook.com/hacked ตัวนี้ช่วยบรรเทาได้เหมือนกัน โดยมันจะให้เราป้อน E-mail หรือหมายเลขโทรศัพท์เพื่อยืนยันตัวตน แล้วดำเนินการต่อไป
กรณีรูปภาพโปรไฟล์ถูกสวมรอย
ปัญหานี้บอกเลยว่า “หนักใจ” หากโดนแฮกบัญชียังพอตามตัวได้ไม่ยาก แต่ถ้าโดน “ขโมยรูปภาพโปรไฟล์” ไปแอบอ้างทำเรื่องมิชอบ ถ้าไม่มีใครเอะใจมาเตือนเราหรือบังเอิญไปเจอเอง คงอีกนานแน่กว่าจะรู้ตัว ส่วนมากคนที่จะโดนสวมรอยด้วยวิธีนี้ มักจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงจริง ๆ อย่างดารา หรือแอดมินเพจที่มียอด Like ยอดติดตามมหาศาล (อย่างกรณีเพจ “ไข่แมว” ที่หลังหายสาบสูญไปก็มีเพจปลอมผุดขึ้นเพียบทันที) และคนทั่วไปที่กำลังทำธุรกิจขายของออนไลน์บนบัญชี Facebook หรือเพจที่ตั้งเอง ก็มีโอกาสโดนเหมือนกัน
ในส่วนนี้คงบอกวิธีป้องกันที่ชัดเจนไม่ได้ ส่วนวิธีแก้ไขก็มีบ้างแต่ยังไม่ 100% ซึ่ง ณ ปัจจุบันทาง Facebook ก็กำลังพัฒนาระบบจำใบหน้าอัตโนมัติอยู่ ที่เรียกว่า Face Recognition โดยมันจะช่วยแจ้งเตือน เมื่อพบคนโพสต์รูปภาพที่ติดภาพใบหน้าคล้ายเรา ทาง Facebook ก็มองในแง่ดีคือ คนโพสต์อาจเป็นคนรู้จักของเราเอง เผื่อเขาลืมแท็กชื่อให้เราไปสะกิดก็เป็นได้ แต่ในแง่ร้ายคือ คนโพสต์เป็นใครก็ไม่รู้ แล้วกำลังเอารูปหน้าเราไปใช้บังหน้าอย่างเมามัน ตรงนี้มีปัญหาแน่ แต่เนื่องจากยังเป็นระบบที่กำลังพัฒนาอยู่ เราคงต้องเพิ่งตัวเองก่อนดังนี้
วิธีแก้ไข
- อย่างแรก ให้เราไปที่รูปโปรไฟล์ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน คลิกที่รูปแล้วคลิกซ้ายไปที่ “ค้นหารูปภาพจาก Google” เพื่อเอาภาพของเราไปเช็คว่า ถูกเอาไปใช้ในเว็บไหนบ้าง (เพิ่งพา AI ของอากู๋ Google แทนเฮียมาร์กไปก่อนนะ…) ซึ่งหากพบว่าไม่ถูกต้อง ก็ให้แจ้งเตือนแอดมินของเว็บนั้น ๆ หรืออาจเจอบัญชี Facebook ของคนที่กำลังแอบอ้างเราอยู่ ก็ให้กดรายงานด่วน ๆ เลย
- กดรายงานหากพบเห็นบัญชี Facebook ที่มีการใช้รูปของเราในทางมิชอบ ถ้าคิดว่าชัวร์แล้วก็คลิกที่ปุ่ม 3 จุดตรงมุมขวามือ แล้วไปที่ “รายงานปัญหา” และ “คนนี้กำลังแอบอ้างเป็นตัวฉันหรือบุคคลที่ฉันรู้จัก” เพื่อรายงานไปยัง Facebook ให้ช่วยตรวจสอบทันที
แจ้งเตือน หลังจากรายงานไปยัง facebook หรือ Line แล้ว ให้รีบเตือนบอกกับญาติสนิท และ เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ของคุณ บอกว่าเราถูกแอบอ้าง ทั้งนี้อาจแนบ Capture รูปการสนทนาไว้เป็นหลักฐานประกอบบอกเพื่อนๆได้ แต่อย่า cap แล้วแชร์ไปยัง Social Network สาธารณะ หรือแชร์กับคนไม่รู้จักด้วย เพราะคุณอาจมีความเสี่ยงที่จะผิด พรบ.คอมพิวเตอร์เสียเอง จากการแชร์รูปบัญชีปลอมให้คนอื่นเห็นด้วย ดังนั้นลองคิดให้ดีก่อนส่งรูปให้เพื่อน
แจ้งตำรวจ ไม่ว่าจะกรณีของ facebook หรือ Line ให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น capture จับภาพหน้าจอสนทนาของไลน์ หรือ หน้า facebook ดังกล่าวไว้ หรือหน้ารูป Proflie ที่ถูกปลอมขึ้นมา แล้วนำไปแจ้งความที่ตำรวจท้องที่ ได้เลย หรือไปแจ้งกับตำรวจ ปอท. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ รายละเอียดดูที่เว็บไซต์ tcsd.in.th ตำรวจก็จะดำเนินคดี หาตัวคนร้ายตามกระบวนการกฎหมาย หากส่งไปที่ตำรวจท้องที่แล้ว อาจส่งเรื่องต่อให้ตำรวจ ปอท ในกรณีที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการตามสืบ
ความผิดกรณีการแอบอ้างเป็นบุคคนอื่น แล้วส่งข้อความเพื่อหลอกยืมเงิน จะมีความผิด เช่น
- ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 (2) มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 140,000 บาท
- วิธีที่ 1 ก่อนตกลงเป็นแฟนกับใครบนโลกออนไลน์ ต้องขอนัดเจอกันก่อนอย่างน้อย 1 ครั้ง
- วิธีที่ 2 เมื่อถูกขอเงินหรือยืมเงิน โดยที่ไม่เคยพบกันมาก่อน ต้องชั่งใจว่าอาจเจอมิจฉาชีพมาหลอกให้รักหรือไม่
- วิธีที่ 3 ต้องมีสติ เหนืออารมณ์ อย่าหลงเชื่อกลลวง และห้ามโอนเงินให้ใครที่เพิ่งรู้จัก
- วิธีที่ 4 อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าผ่านทางโลกออนไลน์
- วิธีที่ 5 ตรวจสอบข้อมูลบุคคลให้แน่ชัดว่ามีตัวตนจริงไหม
- วิธีที่ 6 ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวผ่านทางออนไลน์ กับผู้อื่นเด็ดขาด
- วิธีที่ 7 เข้าไปดูโปรไฟล์ว่ามีข้อมูลน่าเชื่อถือเพียงใด เปิดใช้งานบัญชีโซเชียลมีเดียมานานแล้วหรือไม่
วิธีการป้องกันถูกหลอกยืมเงิน
โทรเช็กกับเพื่อนให้ชัวร์ ว่าต้องการยืมเงินเราจริงหรือเปล่า หากเช็กแล้วไม่ใช่ ให้แจ้งเพื่อนว่าบัญชีไลน์โดนแฮก และให้ตรวจสอบช่องทาง Social Media อื่นๆ ของเพื่อนอาจไม่ปลอดภัย ให้เพื่อนของคุณตรวจสอบด้วย
โดนแฮกไลน์ ยืมเงิน แจ้งความได้ไหม
หากเผลอโอนเงินไปให้กับมิจฉาชีพแล้ว ให้เก็บหลักฐานการโอนเงิน รวมถึงข้อความสนทนาดังกล่าวรีบไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และแนะนำให้ไปแจ้งธนาคารทันที เพื่อยังยั้งการโอนเงินไปยังบัญชีม้าอื่นๆ หรือแจ้งหน่วยงานภาครัฐ ศปอส.ตร. โทร. 1155, 1599
ที่มา : https://shorturl.asia/kwLhM
